การพัฒนาดิจิทัลในองค์กรอย่างท้าทาย
พร้อมหลักการทำงานที่มุ่งการจัดการอย่างฉลาด โดย คุณชุติมา หงส์ทอง
การเสวนาออนไลน์ Digital University: Enabling The Smart Society ที่จัดขึ้นในประเด็น “การจัดการองค์กรอย่างฉลาดในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์” ฉายภาพความหลากหลายผ่านกี่ดำเนินงานที่แตกต่างขององค์กรระดับประเทศ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิที่สละเวลานำประสบการณ์สำคัญมาแบ่งปันในเวลาอันจำกัด และในครานี้ เราขอนำการสนทนาจากพี่ใหญ่และเป็นหญิงเดี่ยวของเวที คุณชุติมา หงษ์ทอง ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาถ่ายทอด และนับว่าประสบการณ์ตรงจากคุณชุติมานั้นสะท้อนการเดินทางและปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างเข้มข้นไม่น้อย
การจัดการองค์กรอย่างฉลาดท่ามกลางการปรับตัวเพื่อนำใช้เทคโนโลยี
ด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
และอยู่ในภาครัฐ คุณชุติมารับว่าภาครัฐนำใช้เทคโนโลยีช้ากว่าภาคเอกชน “ที่บอกว่าเงินไม่สำคัญ ทำเองก็ได้ แต่จริง ๆ เงินสำคัญ งบประมาณจำกัด
และภาครัฐพยายามเร่งให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล” คุณชุติมาเปิดประเด็น
เพราะฉะนั้นสู่คำว่า ‘การจัดการองค์กรอย่างฉลาด’ คุณชุติมาจึงแบ่งออกเป็น
3 เรื่อง หรือ 3 คำ
1) การจัดการ หมายถึง วิธีการ ถ้ามองเรื่องเครื่องมือจะมีเครื่องมือหลายอย่างที่นำมาสู่การจัดการ
อาทิ เรื่องการทำ PDCA
(Plan-Do-Check-Act) หรือเครื่องมืออย่างเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น
2) องค์กร ประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก ถ้าจะเข้าไปจัดการองค์กร
ต้องเข้าใจก่อนว่ามีเรื่องงาน และเรื่องคน ซึ่งแยกกันไม่ออก ไปคู่กัน เพียงแต่ว่าจะให้ความสำคัญกับอะไร
ในอดีตภาครัฐให้ความสำคัญกับคนก่อน แล้วงานตามมาทีหลัง แต่ในปัจจุบัน งาน ระบบงาน
หรือกระบวนงานต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเอามาปรากฏให้เห็นก่อน เพื่อกำหนดตำแหน่งหรือกำหนดคนที่จะลงมาทำงาน
3) อย่างฉลาด ในความเห็นของคุณชุติมาอธิบายไว้ว่ามักจะโดนต่อต้านจากหลาย
ๆ กองในภาครัฐ เพราะการเป็นผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหารมักจะหางานใหม่ ๆ ไปให้คนทำ
ซึ่งบางเรื่องคนไม่อยากปรับตัว เพราะฉะนั้นจากมุมมอง จึงเห็นว่า ‘อย่างฉลาด’ คือ ง่าย สะดวก ชัดเจน และใช้ได้จริง
3 คำบูรณาการ
“เมื่อบอกว่า
‘ชัดเจน’ ไปดูในระบบงาน ในงานที่ชัดเจน ต้องดูก่อนว่างานภายใต้โครงสร้างที่หน่วยงานของรัฐจัดตั้งขึ้นมีกองอะไร
มีฝ่ายอะไร และมีคนที่อยู่ภายใต้โครงสร้างเหล่านี้ มีตำแหน่งอะไรบ้าง และหลัก ๆ
จะต้องแยกให้ออกว่างานหลักของกรมนั้น ๆ หรือกลุ่มงานนั้น ๆ คืออะไร
และอะไรคืองานรอง อะไรคือกระบวนการทำงาน” คุณชุติมากล่าว “ที่เป็นปัญหาของภาครัฐมากคือบางคนแยกไม่ออก
แม้ว่าจะทำงานมาเยอะ และมีประสบการณ์สูง แต่แยกไม่ออกว่าอะไรคือระบบงาน
อะไรคือกระบวนการทำงาน จึงส่งผลให้บางทีก็ไปพันกันหมดในกิจกรรมหรือขั้นต่าง ๆ
การแยกระบบงานออกมาให้ชัดเจนจะเห็นว่ากระบวนการหลักมีกระบวนการสนับสนุน
งานอะไรเป็นงานในเชิงยุทธศาสตร์ งานอะไรที่เป็นงานกำกับดูแล หรืองานอะไรที่เป็นตัว
Support จริง ๆ อันนี้ต้องแยกให้ชัดก่อน”
จากความชัดเจนในระบบงาน สู่เป้าหมายที่ชัดเจน
คุณชุติมาอธิบายว่าเป้าหมายต้องชัดเจนมาตั้งแต่ระดับกรม
ส่วนราชการต้องชัดเจนว่าเป้าหมายจะทำอะไร และเมื่อลงมาที่กลุ่ม ที่กองต่าง ๆ
ที่หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องชัดเจนเช่นกันว่าการมีอยู่นั้นเพื่ออะไร เมื่อได้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว
ตัวงานที่แยกออกมาเป็นงานหลัก งานรอง งานย่อย ต้องมี เป้าหมายที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน
“จากงาน อีกหนึ่งความชัดเจนคือตัวขั้นตอนหลักที่เรียกว่า Key
Process ต้องมีความชัดเจนมาก และต้องสะท้อนถึงผลลัพธ์ เหมือนเอาเรื่องวิธีการ
เอาเรื่อง Input / Output / Process มาจับในส่วนตรงนี้”
คุณชุติมาเล่าว่าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเอาระบบงานนำการทำงานมาตลอด มีการนำดิจิทัลเข้ามาใช้ และมีระบบต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนมากมาย ซึ่งภาครัฐลงทุนกับเรื่องเหล่านี้มากพอสมควร อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์พบว่าความสัมพันธ์ในการทำงานกับระบบที่นำมาใช้ยังไม่สอดคล้องกัน กล่าวคือ ยังมีช่องว่าง และใช้งานระบบต่าง ๆ ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าทางการลงทุนในภาครัฐ กระทั่งได้มีโอกาสนำใช้เครื่องมือในการช่วยจัดการองค์กรอย่างฉลาด “เดี๋ยวนี้กำลังนิยมมากกับการใช้สถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture)” คุณชุติมากล่าวถึงเครื่องมือ Enterprise Blueprint ที่ได้รับคำแนะนำจาก อาจารย์ดนัยรัฐ ธนบดีธรรมจารี ผู้ดูแลโครงการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่มหาวิทยาลัยดิจิทัล ในการออกแบบทั้งการทำงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ Data ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันกรมฝนหลวงและการบินเกษตรขับเคลื่อนการนำสถาปัตยกรรมองค์กรเข้ามาสู่การทำงานผ่านเฟสที่ 1 ไปแล้ว ถือเป็นการปูพื้นฐาน–วางแปลนในบ้าน และนี่เองที่จะย้อนกลับไปตอบโจทย์ ‘การจัดการองค์กรอย่างฉลาดให้ครบถ้วนรอบด้าน’ คือ ง่าย สะดวก ชัดเจน และใช้ได้จริง ที่ท้ายที่สุดคุณชุติมาย้ำว่าจะเป็น ‘การสร้างการยอมรับให้กับคนในองค์กร’
ความท้าทายต่อการนำใช้ดิจิทัล และการดำเนินงานพัฒนาดิจิทัลในองค์กร
คุณชุติมาย้อนประเด็นความท้าทายที่เกิดขึ้นในช่วง
Social Distancing
หรือเมื่อครั้งที่โลกเผชิญกับวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด-19) ว่ากรมฝนหลวงและการบินเกษตรอาจไม่มีปัญหาเรื่องการพบปะกับลูกค้า
ลูกค้าไม่ร้องขอให้ทำฝน ทางกรมฯ ก็ยังคงทำฝนให้
แต่ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารที่จะต้องประชุม และบุคลากรที่ดูแลรับผิดชอบงาน
IT ณ เวลานั้นมีเพียง 2 อัตรา ซึ่งต้องวางระบบ
และอื่น ๆ เพื่อรองรับการทำงานแบบ Social Distancing ให้บุคลากรทั้งหลายทำงานที่บ้านได้
เป็นแบบเรียลไทม์ ซึ่งรวมถึงเรื่องการอนุมัติ การเซ็นเอกสารต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
“จะเห็นได้ว่าตัวบุคลากรด้าน
IT มีไม่เพียงพอ
ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่เพียงพอ นี่เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของหน่วยงานภาครัฐ
และเมื่อทำระบบได้ก็ไม่ทันท่วงที” อีกด้านหนึ่งคุณชุติมาสะท้อนว่าบุคลากรที่เก่ง ๆ และมีปริมาณมากพอในภาครัฐยังมีทักษะหรือศักยภาพงไม่สูงเลิศเหมือนกับภาคเอกชน
เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว แลทำให้ไปทำงานไม่ได้ เช่น โควิด-19 การทำงานจึงหยุดชะงักไป
“ยุคต่อมา เมื่อมีการปรับตัว
อีกความท้าทายก็เกิดขึ้น คนเก่ง ๆ ที่เข้ามาทำงานในภาครัฐเริ่มหายไป เรียกว่า
เรารักษาคนเก่ง ๆ ไว้ไม่ได้ นี่คือความท้าท้ายด้านไอที”
ทักษะและสมรรถนะของบุคลากร
สู่การนำใช้ดิจิทัล
เพราะในองค์กรมีทั้งคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่
คุณชุติมากล่าวว่าคนรุ่นใหม่ ๆ มักจะเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีได้ดีและเร็ว แต่คนรุ่นเก่าบางส่วนมักจะไม่เปิดใจ
เรียกว่า Mindset ยังติดแน่นอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ที่เคยทำมา จึง ‘ไม่รับ’
ไม่รับ = งานไม่ขยับ
คุณชุติมากล่าวว่าคนที่ไม่เปิดใจรับการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีก็ต้องมีการเข้าไปปรับ
แม้ว่าการเร่งในการพัฒนาทักษะตรงนี้ค่อนข้างจะยากลำบาก “เพราะว่าเป็นช่วงที่คุณต้องค่อนข้างจะเร่งรีบ
คุณต้องเปิดใจรับด้วย
“อีกหนึ่งความท้าทายคือ
เทคโนโลยีเก่า ๆ จะรู้เลยว่าเทคโนโลยีเดิม ๆ ที่เราเคยทำ
หรือเคยเอามาเพื่อสนับสนุนการทำงาน ฯลฯ จะเห็นความท้าทายเลยว่าระบบมันเอาต์
มันไม่ทันสมัย มันไม่ทันสมัยกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ตรงนี้จึงจำเป็นว่าจะต้องพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ‘และเรื่องพวกนี้ก็มาติดปัญหาเรื่องเงินนี่แหละ’”
รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในเรื่องระบบที่จะเอามาเป็นข้อมูลในการจัดการ
ข้อมูลที่เป็น Big Data เพื่อการพยากรณ์ไปสู่การทำงาน ซึ่งในปัจจุบันข้อมูลต่าง ๆ ในส่วนนี้ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
จึงเป็นเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น
แล้วส่งผลกระทบต่อการทำงาน จะมีการนำเทคโนโลยีมาจัดการข้อมูลอย่างไร
ทั้งนี้คุณชุติมาเห็นว่าการมองเห็นทั้งจุดอ่อนจุดแข็งนั้นได้นำมาสู่การทำแผนปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของกรมฯ
อันเป็นแผนระยะ 5 ปี ที่สอดคล้องไปกับแผนระดับประเทศ แผนของกระทรวง และแผนของกรม “หลังจากเหตุการณ์โควิด-19 กรมฯ
การเรียนรู้การทำงาน ลองผิดลองถูก
วิเคราะห์ว่าถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างนี้จะทำอย่างไร
เราเห็นว่าสถานการณ์อย่างนี้เทคโนโลยีสำคัญมาก ๆ ต้องให้ความสำคัญ
หลังจากที่วิเคราะห์ SWOT จึงวางกรอบการทำงาน ก็คือกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาองค์กรในเรื่องของดิจิทัล
ว่าจะทำอย่างไรเพื่อรองรับสิ่งต่าง ๆ”
กรมฝนหลวงและการบินเกษตรกำหนดกลยุทธ์ด้านพัฒนาดิจิทัลในองค์กร
โดยแบ่งงานหลักเป็น 3 เรื่อง
1) โครงสร้างพื้นฐาน
และระบบความปลอดภัย เพราะเมื่อยุคเปลี่ยนเข้าสู่โลกาภิวัตน์ โครงสร้างพื้นฐานคือฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่าย ยังมีความสำคัญ เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกัน
แต่เมื่อยิ่งใช้เทคโนโลยี การโจมตีทางไซเบอร์ก็จะตามมา การสร้างระบบความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยี
จึงเป็นเรื่องที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรให้ความสำคัญเช่นกัน
2) เรื่องการทำงาน และเรื่องการจัดการข้อมูลต่าง
ๆ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรพิจารณาแล้วว่ากลยุทธ์นี้ต้องทำในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
ซึ่งแบ่งเป็น 2 เรื่อง ได้แก่ 1) เรื่องที่สนับสนุนงานหลัก มุ่งเน้นไปที่เรื่องการจัดการฐานข้อมูล
การสร้างโมเดลเพื่อการวิเคราะห์งาน และการพยากรณ์ต่าง ๆ 2) แบ็กออฟฟิศ
ไม่ว่าจะเป็นระบบ E- ต่าง ๆ อาทิ E-สารบัญ
E-Meeting ฯลฯ จะนำมาใช้หมด สู่การปรับปรุงและการพัฒนา
3) การพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับคนในองค์กร แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ บริหาร เจ้าหน้าที่ด้าน IT และบุคลากรทั่วไป โดยในแต่ละระดับจะมีหลักสูตรการพัฒนาที่แตกต่างกันไปให้ตรงกับบทบาทของการทำงานในหน่วยงาน
พลังใจเพื่อนำองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลง
คุณชุติมาเน้นย้ำว่า ‘การจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ’ มีเครื่องมือที่หลากหลาย
ในระยะแรกก้าว บางหน่วยงานอาจจะยังไม่คุ้นชินกับสิ่งต่าง ๆ แต่การ ‘พัฒนางาน’ นั้นจำเป็นต้อง ‘ใช้เวลา’ และอาศัย ‘การเรียนรู้’ (มาก ๆ) ที่สำคัญคืองานต่าง ๆ เหล่านี้ ‘ไม่อยู่นิ่ง
ไม่อยู่กับที่’ เรียกว่า มีไดนามิกอยู่ตลอดเวลา “วันนี้มีรูปแบบนี้ พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
เพราะฉะนั้นคนที่ก้าวเข้ามาสู่วงจรการพัฒนางาน พัฒนาระบบงานต่าง ๆ
หรือการเป็นผู้นำที่จะต้องพาองคาพยพทั้งหลายไปสู่ความสำเร็จ ไปสู่ความเป็นเลิศ
ก่อนอื่นคือ ‘การเปิดใจ’
“สร้างพลังบวกให้ตัวเองก่อน เพราะเรื่องพวกนี้ต้องใช้พลังในการขับเคลื่อนมาก
ๆ
“สร้างพลังใจให้ตัวเองก่อน ชื่นชมตัวเองก่อน ว่าเราทำได้
“อุปสรรคที่ผ่านเข้ามาก็ดี เข้ามาทดสอบกำลังใจเรา อุปสรรคเข้ามา
ปัญหาผ่านเข้ามา เราแก้ได้
“เพราะฉะนั้นต้องให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ นิดหนึ่งนะคะ
“ให้กำลังใจตัวเองแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่น… เชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งมันจะดี
สักวันหนึ่งมันจะสำเร็จ
“เพราะว่ามันจะทำให้เราพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า
แล้วก็พยายามเคลื่อนไปข้างหน้า
“แล้วเราจะไม่ล้มกลางทาง ตั้งมั่นนะคะ
“แล้วก็ต้องศรัทธา… ศรัทธาในหน่วยงานของเรา ศรัทธาในตัวผู้นำ
ศรัทธาเพื่อนร่วมงาน ศรัทธาทุกคน
“ว่าเราจะไปด้วยกัน เราจะก้าวไปด้วยกัน”
“เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เราทำได้ ทำแล้วก็สำเร็จได้ด้วย
“ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก
ๆ ท่านที่อยู่ในช่วงที่กำลังผลักดันองค์กรให้ไปสู่ความเป็นเลิศค่ะ”
คุณชุติมา หงษ์ทอง ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กับเรื่องราวการพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นดิจิทัลท่ามกลางความท้าทาย ส่งท้ายด้วยพลังดี
ๆ สู่ใจที่กำลังมุ่งนำและขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ ไปด้วยกัน
ชมเสวนาออนไลน์ Digital University : Enabling The
Smart Society ในหัวข้อ “การจัดการองค์กรอย่างฉลาดในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์” ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/digitaluniversity.thai/videos/839476447898729