การจัดการองค์กรในยุค AI อีกความท้าทายของคณะเภสัชศาสตร์ ม.พะเยา โดย ศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์ เสาแก้ว

เวทีเสวนาออนไลน์ Digital University: Enabling The Smart Society ที่จัดขึ้นทุก ๆ เดือนบน เฟซบุ๊กเพจ Digital University มหาวิทยาลัยดิจิทัล มีโอกาสต้อนรับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมากมายจากหลากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการศึกษา ด้วยวัตถุประสงค์ของการมุ่งนำความรู้และประสบการณ์ในมิติต่าง ๆ มาเป็นแนวทางในการประยุกต์ ปรับใช้ และพัฒนามหาวิทยาลัยไทยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบต่อไป และในครานี้นับเป็นอีกโอกาสดี ๆ ที่การเสวนาได้ต้อนรับผู้บริหารในภาคการศึกษาจากโซนภาคเหนือ รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์ เสาแก้ว คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ให้เกียรติมาพูดคุยและแชร์ความคิด ความเห็นภายใต้เรื่องราวการจัดการองค์กรในยุคที่มีการไหลเข้ามาของประโยชน์ ประสิทธิภาพ และอื่น ๆ ของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ทั้งในระดับบุคคล และระดับสังคม กับประเด็น การจัดการองค์กรอย่างฉลาดในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์

การจัดการองค์กรอย่างฉลาดเพื่อการพัฒนาตามยุคที่เปลี่ยนไป

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์ออกตัวว่าแม้จะทำงานมาเป็นเวลานานพอสมควร หากยังรู้สึกใหม่กับเรื่องการจัดการบริหารองค์กรมาก จึงพยายามที่จะเรียนรู้ และมีโอกาสได้พบปะ แลกเปลี่ยน เรียนรู้กับ อาจารย์ดนัยรัฐ ธนบดีธรรมจารี ผู้ดูแลโครงการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่มหาวิทยาลัยดิจิทัล ในการเรียนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง

เมื่อถามถึงนิยาม การจัดการองค์กรอย่างชาญฉลาดรศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์จึงกล่าวว่าตามทัศนะของตนเองมุ่งเน้นที่ ‘Efficiency’ มี Input กับ Outcomes โดย Input คือ Cost ซึ่งหมายถึง เรื่องคน เรื่องเงิน และเรื่องเวลา “ทำอย่างไรให้คนมีคุณภาพและมีสมรรถนะที่จะจัดการองค์กรไปด้วยกันได้ เรื่องของเวลาก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้เวลาสั้นที่สุด แต่ว่าทำงานได้ให้เสร็จทันเวลา ส่วน Outcomes คือ งาน หรือผลสัมฤทธิ์ ต้องบรรลุวัตถุประสงค์ หรือทำได้ดีด้วย”

“จากที่บริหารงานมาในระดับหนึ่ง เรื่องการจัดการองค์กรอย่างชาญฉลาด เห็นด้วยกับคำที่ว่า Low Cost, High Benefit ไปจนถึงต้องรู้ตัวตน ต้องรู้เป้าหมายขององค์กร ต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อนขององค์กร ต้องบริหารจัดการองค์กรให้ได้ และเรื่องสำคัญคือ Mindset ซึ่งจะเป็นสิ่งที่นำมาสู่ Process ว่าจะไปอย่างไร

“ท้ายที่สุด Management ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้ในการบริหารจัดการองค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ การอยู่เฉย ๆ การแอกชัน การก้าวกระโดด ฯลฯ ก็ล้วนแต่เป็นวิธีการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตามยุคตามสมัย สำคัญคือต้องง่าย สะดวก ทุกคนเข้าถึงได้”

ความท้าทายในการนำใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี

เมื่อกล่าวกันมาถึงเรื่องความท้าทาย รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์ถึงกับเอ่ยปากว่าทางคณะเภสัชศาสตร์เผชิญกับความท้าทายมากมายจริง ๆ พร้อมกันนี้ได้ย้อนถึงครั้งเมื่อประเทศและโลกของเราเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) “ในเชิงของคณะ เมื่อได้วิเคราะห์องค์กรตัวเองแล้วก็หนีไม่พ้นสถานการณ์ BANI (B – Brittle (ความเปราะบาง) A – Anxious (ความกังวล) N – Nonlinear (ความคาดเดาได้ยาก) และ I – Incomprehensible (ความไม่เข้าใจ)) แต่ในฐานะผู้นำองค์กรซึ่งต้องพัฒนาคน สร้างโครงสร้าง มีรูปแบบต่าง ๆ ให้คนสามารถจัดการได้ในภาวะที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการดูแลทางด้านจิตใจ คือการดูแลจิตใจของตัวเองและคนในองค์กร ซึ่งสำคัญมาก ๆ” รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าว “ช่วงหลังโควิด-19 คนไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้ระบาย ไม่ได้พูดคุย เรื่องความกังวลก็ยิ่งมีเยอะมาก เพราะฉะนั้นเรื่อง Soft Skill การทำงานร่วมกัน การดูแลจิตใจซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด เพราะถ้าคนมีใจไปด้วยกัน ต่อให้เครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อม เงินน้อย ของน้อย แต่ใจไป บางทีเงินเยอะ ของเยอะ แต่ใจไม่ไป ดังนั้นในฐานะผู้นำองค์กรต้องจัดการให้ได้”

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์อธิบายต่อถึงเรื่องความคาดเดายากว่าไม่ได้ต่างกัน จะต้องนำข้อมูล และ Input ต่าง ๆ มาวิเคราะห์สถานการณ์ “ที่ผ่านมาทางคณะใช้วิธีเก็บข้อมูล จะเอาข้อมูลที ก็ไปเอาข้อมูลเดิมมาวิเคราะห์ ซึ่งไม่เป็นระบบ เมื่อมารู้จักกับอาจารย์ดนัยรัฐ และได้แนะนำให้รู้จักกับเครื่องมือ Vision Builder ที่ช่วยให้มองเห็นองค์กรอย่างรอบด้านมากขึ้น จึงได้พัฒนาระบบขึ้นมาจัดการข้อมูลต่าง ๆ” รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าว “เรื่องความไม่เข้าใจก็เยอะพอสมควรที่จะต้องเข้าไปจัดการ รวมถึงสร้างพันธมิตร ความโปร่งใส และการสื่อสาร เพราะฉะนั้นความท้าทายที่เจอจึงเยอะแยะมากมาย และคงต้องจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือภาพใหญ่ขององค์กร”

ทักษะและสมรรถนะดิจิทัล

ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กำหนดทักษะและสมรรถนะสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะทางด้านดิจิทัล ทั้งในบัณฑิต บุคลากร และผู้บริหาร เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทรนด์ปัจจุบัน รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าวในฐานะที่ดำเนินงานในคณะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือเภสัชศาสตร์ ซึ่งมุ่งการเรียนในหลักสูตรการดูแลเรื่องยา การดูแลผู้ป่วย การดูแลเรื่องโรค การออกฤทธิ์ของยา เป็นต้น เมื่อเป็นทักษะและสมรรถนะดิจิทัลเป็นสิ่งที่จะต้องทำ ก็ต้องนำสู่การพัฒนา “เริ่มตั้งแต่อาจารย์ บุคลากรภายในคณะ นิสิตก็ต้องเอาตัวนี้มาจับ เพราะฉะนั้นเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ การรู้จักสืบค้น การรู้จักข้อจำกัด ต้องทำให้เป็น รวมถึงวิธีการจัดการระบบ การแบ่งทรัพยากร การตระหนักถึงประเด็นต่าง ๆ รวมถึงการคัดลอกผลงานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนิสิตและอาจารย์จะต้องรู้ ต้องพัฒนาทักษะไปด้วยกัน”

การสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่เกี่ยวกับสมรรถนะดิจิทัล

“เรื่องการสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว เรามีการวิจัย เรามีโปรดักต์ใหม่ ๆ เรามียาใหม่ ๆ เรามีเครื่องสำอาง ฯลฯ แต่พอพูดถึงเรื่องการสร้างสรรค์และนวัตกรรมด้านดิจิทัลนี่กลายเป็นเรื่องค่อนข้างยากสำหรับฝั่งเรา เพราะฉะนั้นที่บอกว่าต้องผลิตสื่อ สร้างสื่อ ทำคลิปต่าง ๆ จึงต้องมีการเรียนรู้ แต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเด็กสมัยนี้ ให้ Input และหลักการพื้นฐานเพียวนิดเดียว นิสิตก็สามารถจัดการทำตามคำแนะนำต่าง ๆ ได้”

เอกลักษณ์และคุณภาพชีวิต

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์ยังเน้นย้ำในประเด็นความปลอดภัยออนไลน์ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลหรือการโพสต์ข้อความที่ความส่วนตัว ไปจนถึงความปลอดภัยในเรื่องการทำงาน การเรียนการสอน เช่น การนำใช้ซอฟต์แวร์ต้านไวรัสต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องคิดอย่างดี เพื่อนำสู่การป้องกัน และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ได้มุ่งเพียงแต่การป้องกันและระมัดระวังข้อมูลของตนเองเท่านั้น หากเป็นไปเพื่อการแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่นได้อีกด้วย

การสอนและการเรียนรู้

ในส่วนของการสอนและการเรียนรู้ แม้ว่าช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทางคณะจะพบกับปัญหาไม่สามารถจัดการเรียนการสอนแบบแล็บปฏิบัติการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ หากช่วงเวลานั้นคณะอาจารย์ต่างทุ่มเทและใช้เวลาเรียนรู้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อจัดรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ หรือ Learning Management System (LMS) ให้กับนิสิตในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเปิดเรียนที่มหาวิทยาลัยตามปกติได้ ผ่านเครื่องมือที่สามารถนำใช้ ณ ช่วงนั้น ๆ อาทิ Zoom, Microsoft Team, StreamYard รวมถึงแอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เป็นต้น

เครื่องมือ เทคโนโลยี และการติดต่อสื่อสาร

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์เล่าว่าทางคณะได้พยายามจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เพื่อให้ทุก ๆ คนเกิดความคุ้นชิน ไปจนถึงเข้าใจในศัพท์เทคนิคสำคัญ ขณะที่เรื่องการติดต่อสื่อสาร กล่าวได้ว่าเมื่อวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้น การนำใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการสื่อสารก็กลายเป็นความคุ้นเคย มีความเข้าใจ ทุกคนสามารถใช้งานอย่างคล่องแคล่ว สะดวกสบาย เท่ากับว่านิสิตและอาจารย์ได้พัฒนาทักษะเหล่านี้ไปด้วยกัน

การพัฒนาองค์กรดิจิทัล

ต่อข้อถามถึงการพัฒนาดิจิทัลในองค์กร ในฐานะที่ทำงานอยู่ในคณะเภสัชศาสตร์ รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์สะท้อนภาพตั้งแต่บันไดขั้นแรกคือการเดินตามพันธกิจ การจัดการศึกษา การวิจัย การบริการวิชาการ การสนับสนุน และการกำกับดูแล พร้อมอธิบายว่า การจัดการศึกษา เรื่องการออกแบบหลักสูตรและทบทวนหลักสูตร ได้พยายามนำดิจิทัลเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ TQF (Thai Qualifications Framework for Higher Education หรือกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ), iThesis (Integrated Thesis & Research Management System) ฯลฯ

“กระบวนการรับเข้า ประชาสัมพันธ์ ก็มีระบบ E-Admission ระบบ PR เพื่อให้คนภายนอกรับรู้และเข้าใจ ส่วนการจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน ที่เรียนไปแล้วว่ามีระบบ LMS ทำเป็นประจำอยู่แล้ว การวัดผลประเมินผลก็ใช้ระบบ IG ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยทำอยู่แล้ว”

นอกจากนี้ รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์เล่าถึงกระบวนการฝึกงานและสหกิจศึกษาที่เป็นความท้าทาย และดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือที่อำนวยประโยชน์ได้มากอย่างยิ่ง “นิสิตปี 6 จะต้องออกไปฝึกงานที่แหล่งฝึก 7 แห่งเป็นอย่างน้อย สาขาเครื่องสำอางต้องไปฝึกสหกิจศึกษา เพราะฉะนั้นการติดตามประเมินผลจะต้องใช้ระบบออนไลน์ ซึ่งต้องพัฒนาขึ้น โดยสามารถติดตามทั้งเรื่องความเป็นอยู่ สามารถแชร์ข้อมูลเป็นวงปิดของกลุ่มนิสิตฝึกงานเพื่อแบ่งปันเรื่องระบบการฝึกงาน การเตรียมตัว การเตรียมความรู้” รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าว “นอกจากนี้คือระบบปรึกษาสุขภาพจิตออนไลน์ เป็นระบบปิดที่สามารถเข้าได้ตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าใครมีเรื่องเกี่ยวกับ Mental Health สามารถปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาได้ การเพียงแค่เริ่มมีอาการสุขภาพจิตที่ไม่ค่อยดี การ Detect ได้เร็ว ก็สามารถรักษาได้เร็ว อันนี้ก็ถือว่าดิจิทัลช่วยได้เยอะ”

การวิจัย

“มาที่ด้านการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเสนอโครงการวิจัยเพื่อการขอรับทุน รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าวว่าทางมหาวิทยาลัยมีระบบ UPRM (University of Payao Research Management) มีระบบการจัดการข้อมูลตีพิมพ์ “มากน้อยขนาดไหนจะมีการ Benchmark กันว่าจำนวนเปเปอร์มากน้อยต่างกันหรือไม่โดยใช้ Super KPIs ตรงนี้ก็มีระบบดิจิทัล มีกระบวนการจัดการและบริหารงานวิจัยที่ชัดเจน รวมถึงตีพิมพ์ ซึ่งก็ใช้ดิจิทัลอยู่แล้ว”

การสนับสนุน

“ทีนี้มาดูส่วนสนับสนุนกัน ด้วยงบประมาณที่จำกัดมาก ปีหนึ่ง ๆ ได้งบน้อยมาก ยิ่งขนาดเล็ก ๆ มีรายได้น้อย ทำอย่างไรให้ระบบทั้งทำได้ คล่องตัว และบรรลุวัตถุประสงค์ ก็ต้องนำระบบมาช่วย อาทิ E-Budget, HR Smart แจ้งซ่อมออนไลน์ ฯลฯ เรียกว่าพยายามนำองค์ความรู้ดิจิทัลของอาจารย์ในคณะมาช่วยกันพัฒนาความรู้ ถึงแม้ว่าอาจยังไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน ยังไม่สอดร้อยกัน พอใช้ได้ระดับหนึ่ง และ ฝันในอนาคตคืออยากให้ทุกอย่างเชื่อมกันได้ คลิกเดียวสามารถลิงก์ได้”

การกำกับดูแล

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์เล่าว่าการกำกับดูแล การจัดการงบประมาณต่าง ๆ ระบบประกันคุณภาพ มี Common Data ที่มหาวิทยาลัยที่มีคณะเภสัชศาสตร์รวม 19 มหาวิทยาลัยทำร่วมกันและสามารถ Benchmark กันได้แบบRealtime

การวางแผนและติดตามนโยบาย และงบประมาณ

รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าวว่าการได้รู้จักเครื่องมือ Vision Builder ซึ่งแม้ว่าในวันนี้จะยังใช้งานกันไม่ถึงความสำเร็จ หากทำให้เล็งเห็นประโยชน์ในการจัดการ “ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ยังใหม่มาก และเมื่อเห็นว่ามี Enterprise Blueprint และอื่น ๆ ยิ่งรู้สึกว่าถ้าคณะของเราทำไปถึงจุดนั้นได้คงจะก้าวกระโดดไกลมาก”

ส่งกำลังใจจากภายในสู่

ที่เวทีออนไลน์ Digital University: Enabling The Smart Society ขอกำลังใจจากวิทยากรฝากให้กับผู้ฟัง โดยเฉพาะภาคการศึกษาทั้งหลาย รศ. ดร. ภก.สุรศักดิ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมเสียงหัวเราะว่าขอให้ผู้ฟังส่งกำลังใจกลับมาให้ด้วย เรียกว่า ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน และฝากคำว่า ‘Keep Learning’ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดทุกวัน พยายามเรียนรู้ทุกเรื่องและตลอดเวลา เพื่อจะได้เข้าใจและทำมันให้ได้”

การนำองค์กร ต้องเริ่มที่ จิตใจ พอจิตใจดี อย่างอื่นก็ออกมาดี ที่สำคัญ ใจต้องใหญ่

“เรามีวันที่หดหู่ เรามีวันที่สนุกสนาน เรามีวันที่ท้อ เรามีวันที่มีพลัง เพราะฉะนั้นใจต้องดี ถึงจะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ได้

“และบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ต้องให้ หมายถึง ให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่พอจะให้ได้ ความรู้ อันนี้นี่ทำสม่ำเสมอ เนื่องจากว่าเราอยู่มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการบริการวิชาการ ไปช่วยกระทรวงให้ข้อมูลระดับชาติในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ฯลฯ เพราะฉะนั้นเราก็ให้เสมอ แต่ที่สำคัญคือ ต้องให้อภัย ไม่รู้ละว่าใครจะมาทำร้ายเรา เราไม่ต้องสนใจ ให้อภัยเมื่อไร จะทำให้การทำงานก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้

“อดีตก็แก้ไขไม่ได้ อนาคตก็ยังไม่รู้ อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

“สุดท้ายคือ มองทุกคนในองค์กรให้สำคัญทั้งหมด เหมือนรถ จะวิ่งไม่ได้ถ้ามีแต่คนขับ ไม่มีล้อ ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีนอต ฯลฯ ทุก ๆ คนก็มีความสำคัญทุก ๆ ส่วน ให้พลังใจทุกภาคส่วน แล้วก็งานร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก เพื่อนำองค์กรของเราก้าวข้ามอุปสรรค และมุ่งหน้าความเป็นเลิศครับ”

 

ชมเสวนาออนไลน์ Digital University : Enabling The Smart Society ในหัวข้อ การจัดการองค์กรอย่างฉลาดในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/digitaluniversity.thai/videos/839476447898729